การตรวจสอบคุณสมบัติของน้ำมันเพื่อทราบอายุของการใช้งานต้องกระทำทุก 30 หรือ 60 วันในช่วง 6 – 12 เดือนแรกกับน้ำมันที่เปลี่ยนใหม่หลังจากนั้นตรวจสอบทุก 6 เดือน การใช้วิธีตรวจสอบที่กล่าวแล้วจะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้มาก เพื่อป้องกันความเสียหายเนื่องจากต้องหยุดเครื่องเทอร์ไบน์กระทันหันเพื่อ ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนน้ำมันใหม่ เนื่องจากน้ำมันเทอร์ไบน์ของแต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ฉะนั้นในการพิจารณาเพื่อกาหนดวาระการเปลี่ยนน้ำมันใหม่หลังจากใช้งานแล้ว ผู้ผลิตน้ำมันดังกล่าวจะให้คาแนะนาแก่ผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี การตรวจสอบน้ำมันเครื่องเทอร์ไบน์และการประเมินผลมีวิธีทาหลายวิธีดังต่อไป นี้ 1. ตรวจสอบคุณสมบัติไม่รวมกับอ๊อกซิเจน (Oxidation Stability) ใช้วิธี ASTM D-943 ที่กล่าวแล้ว เวลาใช้ต้องไม่น้อยกว่า 250-300 ชั่วโมง เมื่อค่าของความเป็นกรดเป็นด่างเท่ากับ 2.0 N.N. ถ้าเวลาน้อยกว่ากำหนดไว้แสดงว่าน้ำมันเสื่อมคุณภาพเพราะรวมตัวกับอ๊อกซิเจน มากเกินไป 2. วัดค่าของความเป็นกรดเป็นด่าง (Neutralization Number) ค่าของความเป็นกรด (Total Acid Number) ไม่ควรเกิน..
read moreเนื่อง จากน้ามันหล่อลื่นคอมเพรสเซอร์มีโอกาสเล็ดลอดปะปนไปกับน้ายา ดังนั้น ลักษณะการผสมตัวกันระหว่างน้ามันหล่อลื่นและน้ำยา จะมีผลต่อการพิจารณาคุณสมบัติของน้ำมันหล่อลื่นที่เรากำลังเลือก ลักษณะการผสมตัวกันระหว่างน้ามันหล่อลื่นและน้ำยาแบ่งได้เป็น3 ลักษณะคือ 1. น้ำมันหล่อลื่นและน้ำยาผสมตัวเข้าเป็นเนื้อเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์เป็นสาร ละลาย (Completely Miscible) เช่น น้ำยา R12 ในกรณีนี้เกิดจุดไข (Floc Point) ของสารละลายจะเป็นตัวกำหนดการเลือกน้ำมันเพราะเมื่ออุณหภูมิของสารละลายลด ต่ำลงมากๆ จะเกิดการแยกตัวของผลึกไขออกจากสารละลาย และเมื่ออุณหภูมิยิ่งลดต่าลงไปอีก ผลึกไขจะรวมตัวกันมีขนาดใหญ่เป็นวุ้นขุ่นขาว ซึ่งสามารถอุดตันในวาล์วความดันและคอยล์เย็นได้ อุณหภูมิที่สารละลายเกิดเป็นวุ้นขุ่นขาวนี้เรียกว่า “จุดเกิดไข” น้ามันที่เลือกใช้ควรมีจุดเกิดไขต่ากว่าอุณหภูมิการเดือดระเหยของน้ำยา 2. น้ำมันหล่อลื่นและน้ำยาไม่ผสมตัวกันเลย (Completely Immiscible) เช่น น้ำยาแอมโมเนีย ในกรณีที่จุดไหลเท (Pour Point) ของน้ำมันเป็นตัวกำหนดการเลือกน้ำมัน เพราะเมื่ออุณหภูมิต่ำลงมากๆ น้ำมันซึ่งลอยแขวนตัวอยู่ในน้ำยาจะเริ่มข้นหนืดขึ้นจนไหลไม่ได้และแข็งตัวใน ที่สุด และสามารถเกาะอุดตันในวาล์วลดความดันและคอยล์เย็นได้ อุณหภูมิที่น้ำมันเริ่มไม่ไหลนี้เรียกว่า “จุดไหลเท” (Pour Point)..
read moreปัจจุบัน เห็นมีการโฆษณากันมาก เรื่องเครื่องเปลี่ยนถ่ายน้ามัน เกียร์อัตโนมัติ บอกว่าดีกว่าการเปลี่ยนถ่าย ในศูนย์บริการทั่วไป เพราะถ่ายได้หมดจดกว่ากัน แต่ราคามันแพง จึงอยากถามถึงความจาเป็น ในการถ่ายน้ามัน เกียร์อัตโนมัติ และหากจาเป็นควรใช้วิธีไหน เรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ามันเกียร์อัตโนมัตินั้น ผมขอเรียนให้ทราบก่อนว่า ระยะเวลาที่สมควร ทาการเปลี่ยนถ่าย แต่ละครั้ง ก็คือ ประมาณ 25,000 ถึง 35,000 กิโลเมตรแล้วแต่สภาพการใช้งาน และสภาพทางที่วิ่ง เช่นใช้งานในเมือง ที่การจราจรติดขัดมากๆ เกียร์มีการเปลี่ยนไปมาบ่อยๆ และมีความร้อนในน้ามันเกียร์มาก ก็ควรเปลี่ยนถ่ายที่ระยะทาง 25,000 กิโลเมตร หรือหากต้องวิ่งผ่านทางที่เป็นฝุ่นมากๆ หรือผ่านทางที่น้าท่วมขัง ก็ควรเปลี่ยนถ่ายที่ระยะทางไม่เกิน 25,000 กิโลเมตร เช่นเดียวกัน แต่หากผ่านทางที่น้าท่วมขังเกินกว่าครึ่งล้อ ก็ควรเปลี่ยนถ่ายน้ามันเกียร์อัตโนมัติทันที ที่ผ่านทาง น้าท่วมนั้นมาแล้ว แต่หากคุณใช้รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ ในพื้นที่ซึ่งรถไม่ติด การจราจรปลอดโปร่ง เช่น ใช้ในจังหวัด ที่มีอากาศเย็น อย่างลำพูน หรือแพร่ คุณก็สามารถยืดระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ามันเกียร์อัตโนมัติไปได้ถึง 35,000 กิโลเมตร แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นหากคุณเป็นคนใช้รถยนต์น้อย ผมแนะนาว่าไม่ควรเกินสองปี ก็ควรเปลี่ยนน้ามัน..
read moreการ บำรุงรักษาเครื่องจักรอย่างสม่าเสมอในขณะใช้งาน การบารุงรักษาที่ถูกต้องในขณะใช้งานจะเป็นวิธีที่จะให้เครื่องจักรกลมีอายุ ยืนนาน และผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่ใช้มีอายุการใช้งานที่ยืนนานด้วยเพื่อความมั่นใจได้ ว่าเมื่อถึงกาหนดถ่ายเปลี่ยนแล้วผลิตภัณฑ์หล่อลื่นที่เปลี่ยนถ่ายออกมายัง อยู่ในสภาวะที่สามารถใหความคุ้มครองเครื่องจักรกลมิให้เกิดการสึกหรอในอัตรา ที่เกินปกติ แนวทางที่ควรยึดถือมีดังนี้ – ควรหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในระบบในเรื่องสีระดับ อัตราการพร่องและสภาพ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น หากสีน้ามันหล่อลื่นขุ่น แสดงว่ามีน้ารั่วไหลเข้ามาปะปน จะทาให้การหล่อลื่นลดประสิทธิภาพลงและอาจเกิดสนิมในเครื่องได้ อัตราการพร่องหากมากผิดปกติ แสดงว่ามีการรั่วซึมของระบบหล่อลื่น และหากมากขึ้นอาจเกิดการขาดน้ามัน ทาให้เครื่องจักรสึกหรอได้ – ควรถ่ายเปลี่ยนผลิตภัณฑ์หล่อลื่นตามกาหนดที่ผู้ผลิตเครื่องแนะนา และการถ่ายเปลี่ยนต้องมั่นใจว่าเติมถูกชนิด ในปริมาณที่พอดี ไม่มากไปหรือน้อยไป และมีการบันทึกเพื่ออ้างอิงต่อไป ต้องระมัดระวังมิให้เกิดการใช้ปะปนกับผลิตภัณฑ์หล่อลื่นเกรดอื่น – หม้อกรองน้ามันหล่อลื่น หม้อกรองอากาศ และหม้อกรองเชื้อเพลิง ต้องหมั่นล้างและเปลี่ยนตามกาหนดหรือเมื่อเสื่อมสภาพ – ควรหมั่นปรับแต่งเครื่องจักรกลให้ถูกต้องเสมอ..
read moreสำหรับเครื่องเทอร์ไบน์ใหม่หรือเครื่องที่ยกออกซ่อมแล้วมาติดตั้งใหม่จำเป็น ต้องล้างระบบหล่อลื่นภายในให้สะอาด ขจัดสิ่งสกปรกต่างๆ ซึ่่งได้แก่ น้ำ เศษผง เศษโลหะ เส้นใย เศษสนิมต่างๆ หรือแม้กระทั่งสารเคมีที่ใช้เคลือบภายในของเครื่อง เพื่อป้องกันสนิมขณะขนส่งหรือเก็บรักษาด้วย มีวิธีปฏิบัติดังนี้ 1. ตรวจสอบภายในระบบหล่อลื่นตาม Oil Pocket ซอก มุม และในอ่างเก็บน้ามันและทาความสะอาดให้ทั่ว สาหรับสารเคมีที่ทาป้องกันสนิมไว้ขณะขนส่งหรือเก็บรักษาควรเช็ดออกให้หมด ด้วยน้ามันทาละลาย (น้ามันก๊าด เป็นต้น) น้ามันล้างเครื่องที่จะใช้เติมลงไปในเครื่องเพื่อไล่สิ่งสกปรกต่างๆ ออกควรเป็นชนิดเดียวกับน้ามันเทอร์ไบน์ที่จะใช้เติมเครื่องเทอร์ไบน์ไอน้า สาเหตุที่แนะนาให้ใช้น้ามันชนิดเดียวกันเพราะการล้างขับไล่สิ่งสกปรกใน เครื่องซึ่งถ่ายออกไม่หมดและเหลืออยู่บ้าง ซึ่งจะไปปนกับน้ามันใหม่ที่จะเติมลงไปการใช้น้ามันใหม่ที่จะเติมลงไปการใช้ น้ามันเกรดต่าล้างเครื่องไม่ใช่เป็นวิธีประหยัดที่ถูกต้อง 2. การล้างไล่สิ่งสกปรก เมื่อเติมน้ามันล้างเครื่องลงไปแล้วก็ใช้ปั๊มให้น้ามันหมุนเวียนไปตามระบบ หล่อลื่นต่างๆ ของเครื่องเทอร์ไบน์ไอน้าโดยไม่ได้เดินเครื่องเทอร์ไบน์ หมายเหตุ ตามแบริ่งต่างๆ ควรต่อท่อข้ามแบริ่งเพื่อป้องกันเศษผง สิ่งสกปรกต่างๆ มาติดค้างที่แบริ่ง แต่ทุกครั้งก่อนใช้งานต้องทาความสะอาดแบริ่งเสียก่อนการอุ่นให้ร้อนเพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพของการชะล้างสิ่งสกปรกต่างๆ น้ามันล้างเครื่องควรอุ่นให้ร้อนประมาณ 125 – 175๐F..
read moreน้ำมันเครื่องประกอบด้วยน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานผสมกับสารเคมีเพิ่มคุณภาพ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ตามชนิดของน้ำมันพื้นฐานที่นำมาผลิตเป็นน้ำมันเครื่อง ดังนี้ ประเภทที่ 1 เป็นน้ำมันเครื่องทั่วไปที่ผลิตจากน้ำมันแร่ซึ่งได้จากการกลั่นน้ำมันดิบโดย ตรง ประเภทที่ 2 เป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Synthetic) ที่ ผลิตจากน้ำมันซึ่งสังเคราะห์ขึ้นเพื่อให้มีคุณสมบัติพิเศษกว่าน้ำมันแร่ ทั่วไป เช่น ความคงทนต่อการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ อายุการเปลี่ยนถ่ายและการใช้งานนานขึ้น มีอัตราการระเหยต่ำลดปัญหาการสิ้นเปลืองหล่อลื่น เป็นต้น ส่วนประเภทที่ 3 เป็นน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic) ที่ ผลิตจากการนำน้ำมันแร่มาผสมกับน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์เพื่อเสริมคุณสมบัติ ให้ดีขึ้นกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไป และมีราคาถูกกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ใน ช่วงที่ผ่านมาน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์ที่นิยมใช้ในการผลิตน้ำมันเครื่อง สังเคราะห์ ได้แก่ โพลีอัลฟาโอเลฟิน ซึ่งผู้บริโภคจะสังเกตได้ว่าผู้ผลิตจะแสดงคำว่า PAO ใน ฉลากของน้ำมันเครื่องเพื่อเป็นจุดขายมาโดยตลอด แต่ในปัจจุบันจะเห็นว่ากระแสเริ่มลดลง เนื่องจากได้มีการนำน้ำมันพื้นฐานชนิดใหม่ ที่เรียกว่า Unconventional Base Oil (UCBO) ซึ่งได้จากการนำน้ำมันแร่ทั่วไปมาผ่านขบวนการสังเคราะห์พิเศษ ทำให้มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ PAO มาใช้แทน โดยมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ PAO ใน ด้านความทนต่อการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนสูง ความสิ้นเปลืองหล่อลื่นน้อยเนื่องจากอัตราการระเหยต่ำ..
read moreน้า มันหล่อลื่นที่ใช้งานไปจนหมดสภาพไม่เหมาะที่จะใช้งานนั้นๆ ต่อไป โดยปกติผู้ใช้มักจะเททิ้งตามพื้นดินหรือไม่ก็ขายให้กับผู้รับซื้อในราคาถูกๆ การกระทาดังกล่าวก่อให้เกิดผลเสียคือ การเททิ้งตามพื้นดินจะก่อให้เกิดปัญหาด้านมลภาวะซึ่งจะแก้ไขกาจัดในภายหลัง ได้ยาก การขายให้ผู้รับซื้อซึ่งมักจะเอาไปทาน้ามันปลอมซึ่งอาจจะกลับมาสู่เรา ทาให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องจักรได้ ดังนั้น จึงควรหาประโยชน์จากน้ามันหล่อลื่นใช้แล้วโดยมีแนวทางดังนี้ 1. ใช้น้ามันที่ใช้แล้วจากงานหนึ่งไปหล่อลื่นในงานที่ไม่รุนแรง (งานอุณหภูมิปกติ ภาระน้าหนักต่า รอบไม่สูง ) เช่น – น้ามันหล่อลื่นเทอร์ไบน์หรือไฮดรอลิคหรือน้ามันเกียร์ เมื่อใช้จนถึงอายุแล้วสามารถนามากรองแล้วใช้หล่อลื่นพวกแบริ่งกาบและแบริ่ง ลูกปืนที่ต้องการน้ามันหนืดเบอร์เดียวกัน และใช้ระบบหล่อลื่นแบบหยอดทิ้งได้ 2. ใช้น้ามันหล่อลื่นที่ใช้แล้วจากเครื่องจักรต่างๆ ไปใช้ในงานอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการหล่อลื่น เช่น ใช้ทาไม้แบบสาหรับคอนกรีต ใช้ทาไม้ป้องกันปลวก มอด และ แมลง ใช้ใส่ขาตู้กับข้าวเพื่อป้องกันมดขึ้นได้ ..
read more