น้ำมันเครื่องประกอบด้วยน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานผสมกับสารเคมีเพิ่มคุณภาพ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ตามชนิดของน้ำมันพื้นฐานที่นำมาผลิตเป็นน้ำมันเครื่อง ดังนี้ ประเภทที่ 1 เป็นน้ำมันเครื่องทั่วไปที่ผลิตจากน้ำมันแร่ซึ่งได้จากการกลั่นน้ำมันดิบโดย ตรง ประเภทที่ 2 เป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Synthetic) ที่ ผลิตจากน้ำมันซึ่งสังเคราะห์ขึ้นเพื่อให้มีคุณสมบัติพิเศษกว่าน้ำมันแร่ ทั่วไป เช่น ความคงทนต่อการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ อายุการเปลี่ยนถ่ายและการใช้งานนานขึ้น มีอัตราการระเหยต่ำลดปัญหาการสิ้นเปลืองหล่อลื่น เป็นต้น ส่วนประเภทที่ 3 เป็นน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic) ที่ ผลิตจากการนำน้ำมันแร่มาผสมกับน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์เพื่อเสริมคุณสมบัติ ให้ดีขึ้นกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไป และมีราคาถูกกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์

ใน ช่วงที่ผ่านมาน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์ที่นิยมใช้ในการผลิตน้ำมันเครื่อง สังเคราะห์ ได้แก่ โพลีอัลฟาโอเลฟิน ซึ่งผู้บริโภคจะสังเกตได้ว่าผู้ผลิตจะแสดงคำว่า PAO ใน ฉลากของน้ำมันเครื่องเพื่อเป็นจุดขายมาโดยตลอด แต่ในปัจจุบันจะเห็นว่ากระแสเริ่มลดลง เนื่องจากได้มีการนำน้ำมันพื้นฐานชนิดใหม่ ที่เรียกว่า Unconventional Base Oil (UCBO) ซึ่งได้จากการนำน้ำมันแร่ทั่วไปมาผ่านขบวนการสังเคราะห์พิเศษ ทำให้มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ PAO มาใช้แทน โดยมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ PAO ใน ด้านความทนต่อการเกิดปฏิกิริยากับออกซิเจนสูง ความสิ้นเปลืองหล่อลื่นน้อยเนื่องจากอัตราการระเหยต่ำ การเกิดคราบสกปรก เขม่า และโคลนตมในเครื่องยนต์ต่ำ และแม้ว่า PAO จะ มีความบริสุทธิ์กว่า แต่ถ้าเปรียบเทียบในด้านการใช้งานแล้ว ก็สามารถยอมรับกันกันโดยทั่วไปทั้งในด้านวิชาการ และการตลาดว่า น้ำมันพื้นฐานชนิดใหม่นี้สามารถใช้ในการผลิตน้ำมันเครื่องได้เทียบเท่ากับ PAO เช่น กันและผู้ผลิตสามารถที่จะแสดงฉลากเป็นน้ำมันสังเคราะห์ได้ และสำหรับน้ำมันกึ่งสังเคราะห์ในปัจจุบันก็ได้มีการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันพื้น ฐานชนิดใหม่นี้แทน PAO โดยผสมในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 10-30 % ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการพัฒนาสูตรการผลิตของแต่ละบริษัทด้วย

แต่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์ประเภทใด ผู้บริโภคก็จะต้องพิจารณาถึงความจำเป็นที่จะเลือกใช้น้ำมันสังเคราะห์ในการ ใช้งานด้วย โดยทั่วไปการใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ก็เนื่องจากมีระยะเวลาการเปลี่ยน ถ่ายที่นานกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไป แต่ก็ควรจะพิจารณาว่าคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายแพงขึ้นหรือไม่ สำหรับการใช้งานจริงในท้องถนนซึ่งรอบและสภาวะการใช้งานเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เวลา น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ก็มีส่วนช่วยได้บ้างเนื่องจากมีความคงตัวสูงกว่า แต่สำหรับการใช้งานในสภาวะปกติและระยะทางไม่มากนัก ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์

อนึ่ง การเลือกซื้อน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ผู้บริโภคต้องระมัดระวังและสังเกตให้ดี เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้คำภาษาอังกฤษ Synthetic บนฉลากน้ำมันเครื่องอย่างแพร่หลาย เช่น Synthetic Technology , Synthetic Performance , Plus Syn , Synthetic Guard , Syntec และ Synthetic Based เป็นต้น ซึ่งข้อความเหล่านี้ไม่ได้สื่อชัดเจนว่าเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % หรือ กึ่งสังเคราะห์ ดังนั้นจึงควรอ่านฉลากหรือข้อความภาษาไทยประกอบด้วย เพราะบางชนิดก็เป็นน้ำมันเครื่องธรรมดาเท่านั้น แต่ผู้ผลิตต้องการใช้คำว่า Synhtetic เพื่อสื่อถึงองค์ประกอบอื่นในน้ำมันเครื่องที่ไม่ใช่ Base Oil

ใน ปัจจุบันผู้ผลิตน้ำมันเครื่องมีการแข่งขันสูง มีการใช้กลยุทธ์ต่างๆ เข้ามาช่วยในการจำหน่ายสินค้าและชักจูงผู้บริโภคให้เกิดความพึงพอใจในสินค้า ของตน นอกเหนือไปจากการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในเชิงวิชาการแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลดแลกแจกแถม การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การโฆษณาในสื่อต่างๆ ซึ่งก็เป็นการดีที่ผู้บริโภคจะมีสินค้าให้เลือกมากมายหลายชนิดขึ้น แต่ก็ยิ่งต้องใคร่ครวญในการตัดสินใจซื้ออย่างถ้วนถี่และรอบคอบมากขึ้นเช่น กัน

About the Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

You may use these HTML tags and attributes: <a href="" title=""> <abbr title=""> <acronym title=""> <b> <blockquote cite=""> <cite> <code> <del datetime=""> <em> <i> <q cite=""> <strike> <strong>